... ๘. ใช้ปัญญา มาพิจารณา ร่างกาย หรือรูป
และใช้ปัญญามาพิจารณาใจ หรือนาม
ทั้งภายนอก ใน ทุกๆเวลา ทุกๆ ที่
จนรู้ว่าทุกๆ อย่าง ว่าเป็นไตรลักษณ์ ( ยกเว้นนิพพาน ที่ไม่เป็นไตรลักษณ์ จะสุข เที่ยง ) คือ ล้วนแต่อยู่ภายใต้ ความทุกข์ ( ทุกขัง = บีบคั้น ทรมาน ทนได้ยาก
แปรปรวน ตรงกันข้ามกับสุข ), รู้ว่ารูป นาม อยู่ภายใต้ ความไม่แน่ ( อนิจจัง = ตั้งอยู่
บ้าง ดับไปบ้าง เปลี่ยนแปลงบ้าง ชั่วคราวบ้าง
ขัดแข้งกับความเที่ยงบ้าง ), รู้ว่ารูป
นาม อยู่ภายใต้ การบังคับเอาตามใจไม่ได้ ( อนัตตา = ว่างเปล่า จะมีเจ้าของก็มีเพียงเฉพาะแต่
มีแบบ สมมุติเอา แต่..จะไม่มีเจ้าของในแบบที่แท้จริง
( จะมีก็เพียง รูป นาม เท่านั้น ไม่ใช่ไม่มี
มีอยู่) จะบังคับเอาตามใจไม่ได้ มีเหตุมีผล เมื่อมีการกระทำ ก็จะต้อง มีผล ตรงกันข้ามกับอัตตา ( อัตตา = จะบังคับเอาตามใจ เมื่อไหร่?
ก็ได้ ) ) ...
แล้ว ก็ให้พยายามน้อมจิตเข้าไปหา อาสะวักขะยะญาณ คือญาณที่จะฆ่ากิเลสจนหมด เพื่อจะได้ใช้ปัญญาอย่างเต็มที่ จนรู้จัก อริยสัจจ์ทั้ง ๔ คือ ๑. รู้จักทุกข์ คือ
รู้ปัญหา, ๒. รู้จักสมุทัย คือ รู้ตัณหา ,
๓. รู้จักนิโรธ คือรู้นิพพาน, ๔. รู้จักมรรค
คือรู้ศีล สมาธิ ปัญญา, จนปล่อย วางหมดทุกรูป ทุกนาม วางแบบไม่ต้องถือ นิพพาน
แต่เวลาปกติก็ทำหน้าที่ดี ๆไป... หรือ คือ รู้ในขั้นที่
๑. รู้ ว่าอริยสัจจ์
๔ คืออะไร? ( สัจจะญาณ
= รู้ความจริง เนื้อหา
เรื่องราว ) เช่น๑.
รู้ในทุกข์ ว่า คือปัญหา ความทุกข์, ๒. รู้ในสมุทัย
ว่า คือต้นเหตุ สาเหตุของทุกข์ โดยรู้ว่ามี
ความอยากหรือ ตัณหาทั้ง ๓ ที่จะเป็นต้นเหตุ เป็นสาเหตุของทุกข์ ( ตัณหา ๓ คือมี ๑. อยากเกิน
ในกาม ๒. อยากเกินในความมี
ความเป็น ๓. อยากเกินในความไม่อยากมี ไม่อยากเป็น ), ๓. รู้ในนิโรธ
คือ ดับทุกข์ ดับตัณหา หรือนิพพาน, ๔. รู้ในมรรคทั้ง ๘ ว่า มีอะไรบ้าง มีกี่ข้อ รายละเอียดเป็นอย่าง ไร? นี่คือรู้ สัจจะญาณ คือ รู้ว่า อะ ไร เป็นอะไร? ( จะทำอะไร? )
รู้ในขั้นที่
๒. รู้ ว่าจะทำอย่างไร? ( กิจจะญาณ = รู้ว่า จะต้องทำอย่างไร
ใน ทุกข์ สมุทัย
นิโรธ ใน มรรค นั้น
) เช่น ในทุกข์ ก็รู้ว่าจะต้องกำหนดรู้จักทุกข์ให้ได้, ในสมุทัยก็รู้ว่าจะต้องละตัณหาทั้ง
๓ ให้ได้, ในนิโรธก็รู้ว่าจะต้องทำนิโรธ
หรือนิพพานให้แจ้งชัดให้ได้, ในมรรคก็ รู้ว่าจะต้องเจริญมรรคให้ได้
นี่
คือรู้ ในขั้น กิจจะญาณ คือ รู้ว่า
เป็นอย่างไร? จะต้องทำอย่างไร จะ จะ จะ ต้องทำให้ได้, ( ขั้นกำลังทำ )
รู้ในขั้นที่ ๓ . รู้ ว่า ทำได้จริง ๆ เสร็จเรียบร้อยทั้งหมด แล้ว
( กะตะญาณ = รู้ว่า
ได้ทำสำเร็จ แล้ว บรรลุแล้ว ) เช่น รู้ว่าได้กำหนดรู้ทุกข์
ในเรื่องทุกข์ ๆ เรียบร้อยแล้ว, รู้ว่าได้ละตัณหาทั้ง
๓ ในเรื่อง สมุทัย ได้หมดทุกตัวเรียบร้อยแล้ว , รู้ว่าได้บรรลุนิพพานในเรื่อง นิโรธ เรียบร้อยแล้ว
, รู้ว่าได้ทำให้มรรค ๘ เจริญเต็มที่บริบูรณ์ครบในเรื่องมรรค เรียบร้อยแล้ว, รวม ๑๒ อย่าง
( ปริวัฏฐะ ๓ ( ๓ คูณ ๔
= ๑๒ ) อาการ ๑๒ )